Advance search

บ้านดงสบลี้

บ้านดงหลวงเป็นชุมชนที่ยังคงประเพณีดั้งเดิมที่สำคัญของคนพื้นเมืองไว้อย่างดี มีพระวิหารหลวงบ้านดงหลวงเป็นสถานที่สำคัญของชาวบ้านในชุมชนเป็นอย่างมาก และมีการร่วมกันสืบสานเทศกาลประเพณีที่สำคัญตลอดสิบสองเดือน

หมู่ที่ 5
บ้านดงหลวง
วังผาง
เวียงหนองล่อง
ลำพูน
วิสาหกิจชุมชน โทร. 0-5350-4042, เทศบาลวังผา โทร. 0-5309-6231
สุพิชญา สุขเสมอ
20 เม.ย. 2023
สุพิชญา สุขเสมอ
20 เม.ย. 2023
บ้านดงหลวง
บ้านดงสบลี้

ในอดีต สภาพที่ตั้งเป็นพื้นที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ลักษณะภูมิประเทศเป็นป่าคงทึบมีต้นไม้ขนาดใหญ่ปกคลุมทั่วบริเวณหมู่บ้าน จึงนำมาซึ่งการเรียกชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ โดยคำว่า "คง" หมายถึง ป่า ที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่น คำว่า "หลวง" เป็นภาษาพื้นเมือง หมายถึง ใหญ่ เมื่อคำสองคำมารวมกันจึงหมายถึง พื้นที่ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์

ส่วนชื่อ "บ้านดงสบลี้" เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกชื่อหมู่บ้าน คำว่า ดง (ตามความหมายที่อธิบายแล้วข้างต้น) คำว่า "สบ" เป็นภาษาพื้นเมือง มีความหมายว่า การบรรจบ ส่วนคำว่า "ลี้" หมายถึง ชื่อของสายแม่น้ำ ชื่อว่า แม่น้ำลี้ ดังนั้นลักษณะของพื้นที่บ้านดงหลวง มีแม่น้ำสองสาย คือ สายแม่น้ำปิงและสายแม่น้ำลี้ ไหลมาบรรจบบริเวณท้ายหมู่บ้าน จึงเรียกอีกชื่อว่า "บ้านดงสบลี้"


บ้านดงหลวงเป็นชุมชนที่ยังคงประเพณีดั้งเดิมที่สำคัญของคนพื้นเมืองไว้อย่างดี มีพระวิหารหลวงบ้านดงหลวงเป็นสถานที่สำคัญของชาวบ้านในชุมชนเป็นอย่างมาก และมีการร่วมกันสืบสานเทศกาลประเพณีที่สำคัญตลอดสิบสองเดือน

บ้านดงหลวง
หมู่ที่ 5
วังผาง
เวียงหนองล่อง
ลำพูน
51120
18.433623
98.717737
เทศบาลตำบลวังผาง

การก่อตั้งหมู่บ้านดงหลวง สันนิษฐานว่าในประมาณ ปี พ.ศ. 2374 ได้มีราษฎรจากจังหวัดเชียงใหม่ อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำมาหากิน และจากอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เข้ามาจับจองที่ดินเพิ่มขึ้น ด้วยความอุดมสมบูรณ์ที่มีแม่น้ำไหลผ่านหมู่บ้านสองสาย จึงเหมาะแก่การเกษตรกรรม มีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยมากขึ้น กลายเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรหนาแน่นขึ้นตามลำดับเท่าทุกวันนี้

เหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นในชุมชน

มีการก่อตั้งวัดขึ้นมา ชื่อว่า วัดบ้านดงหลวง ด้วยความศรัทธาของชาวบ้าน ต่อมาอีก 5 ปี ได้มีการร่วมกันสร้างวิหารวัดบ้านดงหลวงขึ้น และมีการบูรณะวัดน้อยบริเวณหลังวัดบ้านดงหลวง โดยมีท่านครูบาคำ คนฺธิโย เป็นประธานในการดำเนินการบูรณะร่วมกับชาวบ้าน และมีการสร้างหอพระธรรมพร้อมทั้งศาลาบาตรตามมา แต่ปัจจุบันสองแห่งนี้ถูกลื้อออกแล้ว หลังจากนั้นมีการสร้างโรงเรียนวัดบ้านดงหลวงขึ้น โดยใช้ศาลาวัดบ้านดงหลวง เปิดสอนหนังสือให้กับพระภิกษุสามเณรได้ศึกษาเรียนรู้แต่ต่อมาต้องปิดลงเพราะไม่มีครูสอน ในปี พ.. 2500 มีการสร้างพระพุทธรูป 25 ศตวรรษ ขึ้นฉลองเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 2500 ปี

บ้านดงหลวงเคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในบริเวณหมู่บ้านตลอดทุกปี และท่วมมากที่สุดในปี พ.. 2516 ต่อมาในช่วง พ.. 2519 - .. 2525 หมู่บ้านดงหลวงได้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีการพัฒนาหมู่บ้านหลายอย่างเพื่อนำความเจริญเข้าสู่หมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

  • พ.ศ. 2520  มีไฟฟ้าเข้าสู่หมู่บ้าน มีถนนเข้าสู่หมู่บ้าน มีระบบน้ำเพื่อการเกษตรโดยก่อตั้งสถานีสูบน้ำโดยไฟฟ้าเป็นแห่งแรกของตำบลวังผาง ทำให้การเกษตรกรรมมีความอุดมสมบูรณ์พืชสวนพืชไร่มีราคาดี อีกทั้งลำไยเริ่มมีราคา ส่งผลให้หมู่บ้านได้รับรางวัลจากกระทรวงมหาดไทย สาขาการพัฒนา ดีเด่น 3 ปี ซ้อน ชาวบ้านเริ่มเข้าสู่ระบบเงินทุนโดยการกู้ยืมเงิน
  • พ.ศ. 2528  ได้มีการเดินสำรวจที่ดินเพื่อออกหนังสือสำคัญการครอบครองที่ดินในหมู่บ้านดงหลวงเป็นครั้งแรก (ออกโฉนดที่ดิน)
  • พ.ศ. 2530  ได้ทำการก่อสร้างศาลาการเปรียญวัดบ้านดงหลวงหลังปัจจุบันขึ้น
  • พ.ศ. 2533  ได้ทำการก่อสร้างหอระฆังวัดบ้านดงหลวง
  • พ.ศ. 2535  ได้เปิดที่ทำการชมรมโรคเอดส์เป็นแห่งแรกของประเทศไทย โดยใช้สถานที่วัดบ้านดงหลวงเป็นสถานที่ทำการชมรม
  • พ.ศ. 2539  หมู่บ้านดงหลวงได้มีระบบน้ำประปาเข้ามาในหมู่บ้าน
  • พ.ศ. 2544  วันที่ 22 - 24 มิถุนายน คณะสงฆ์ ศรัทธาชาวบ้านดงหลวงได้ร่วมทำบุญฉลองพระวิหารหลวงวัดบ้านดงหลวงขึ้น

ในอดีตถนนหนทางของหมู่บ้านดงหลวงคับแคบไม่มีการขับขี่รถเพื่อสัญจร การเดินทางภายในหมู่บ้านใช้การเดินทางโดยเท้าเป็นหลัก เมื่อนำสินค้าทางการเกษตรออกไปขายนอกหมู่บ้าน มักจะนำไปขายที่กาด (ตลาด) หมั้วท่าสี่ กาดหมั้วจอมทอง (กาดเจ้าน้อยสี่แยกไฟแดงจอมทอง) โดยเดินเท้าไปจนถึงบริเวณสะพานหน้าสถานีอนามัยบ้านดงหลวง จากนั้นนั่งเรือไปตามน้ำแม่ลี้ แล้วออกจากบริเวณปากสบลี้ จากนั้นจอดพักเรือไว้บริเวณบ้านท่าศาลา แล้วเดินเท้าไปต่อจนถึงกาด หรือใช้ล้อเกวียนเป็นพาหนะบรรทุกสิ่งของต่าง ๆ ออกไปขายนอกหมู่บ้าน และบรรทุกสินค้าต่าง ๆ จากข้างนอกเข้ามาขายในหมู่บ้าน เมื่อการพัฒนาเข้ามาในหมู่บ้าน สาธารณูปโภคพื้นฐานได้รับการปรับปรุง ถนนกว้างขวางขึ้น รถจักรยานยนต์และรถยนต์แบบต่าง ๆ ถูกนำมาใช้แทนระบบคมนาคมรูปแบบเดิม

ลักษณะการสร้างบ้านเรือนของหมู่บ้านดงหลวงในอดีตจะเป็นบ้านไม้ยั่ว เป็นเรือนชั่วคราวสร้างด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยหญ้าคาหรือใบตองตึง และบ้านไม้แป้น หรือเรือนสับหลังคามุงด้วยดินขอ กระเบื้องว่าว และกระเบื้องลอนคู่ ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศ การสร้างบ้านในชุมชนส่วนมากจะยกตัวบ้านขึ้นสูงกว่าพื้นดิน  เพื่อใช้ประโยชน์จากใต้ถุนบ้าน เช่น ทอผ้า ทำคอกวัวควาย เก็บเครื่องมือทางการเกษตร และเครื่องมือจับปลา

อดีตบ้านดงหลวงมีอาณาเขต คือ

  • ทิศเหนือ  จรดกับ  แม่น้ำปิง, หมู่บ้านโท้งป่าหมาก ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
  • ทิศใต้  จรดกับ  เขตบ้านวังสะแกง ตำบลหนองล่อง
  • ทิศตะวันออก  จรดกับ  หมู่บ้านเหล่าแมว ตำบลวังผาง
  • ทิศตะวันตก  จรดกับ  ลำน้ำแม่ปิง, บ้านสบรู้ เขตอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

ปัจจุบันบ้านดงหลวงมีอาณาเขตคือ

  • ทิศเหนือ  จรดกับ  แม่น้ำปิง, หมู่บ้านโท้งป่าหมาก ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
  • ทิศใต้  จรดกับ  เขตบ้านวังหมุ้น ตำบลวังผางบ้านวังสะแกง ตำบลหนองล่อง
  • ทิศตะวันออก  จรดกับ  หมู่บ้านดงเจริญ หมู่ที่ 10 ตำบลวังผาง
  • ทิศตะวันตก  จรดกับ  ลำน้ำแม่ปิง เขตอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

สถานที่สำคัญทางเศษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม

วัดบ้านดงหลวง ตั้งอยู่เลขที่ 426/2 หมู่ที่ 5 ตำบลวังผาง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินมีเนื้อที่ 12 ไร่ 2 งาน 31 ตารางวา มีอาณาเขต คือ ทิศเหนือ จรดกับแม่น้ำปิง ทิศใต้ จรดถนน ทิศตะวันออก จรดโรงเรียนวัดบ้านดง ทิศตะวันตก จรดหมู่บ้าน

หมวดคริสจักรบ้านดงวังหมุ้น ปัจจุบันหมวดคริสเตียนบ้านดงวังหมุ้น สังกัดอยู่ในคริสจักรภาคที่ 1 เชียงใหม่ - ลำพูน และแม่ฮ่องสอน สภาคริสจักรแห่งประเทศไทย

โรงเรียนวัดบ้านดง มีการจัดตั้งโรงเรียนวัดบ้านดงขึ้น โดยมีการเปิดสอนหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการในระดับประถม โดยอาศัยศาลาวัดบ้านดงหลวงเป็นอาคารเรียน ต่อมาอาคารเรียนชำรุดทรุดโทรม อีกทั้งพื้นที่คับแคบและไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียน จึงมีการร่วมกันก่อสร้างอาคารขึ้นใหม่ โดยทางอำเภอและคณะสงฆ์ รวมถึงประชาชนร่วมกัน

ทรัพยากรทางธรรมชาติ

สมัยก่อนวิถีชีวิตของชาวบ้านมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแม่น้ำทั้ง 2 สาย น้ำแม่ปิงและแม่น้ำลี้ไหลตลอดทั้งปี ไม่มีสารพิษตกค้างในน้ำ ฤดูแล้งชาวบ้านจะนำเสื้อผ้าลงมาซักริมตลิ่งบางคนลงเล่นน้ำเย็นสบาย สัตว์น้ำมีให้จับกินได้ตลอดทั้งปี การจับสัตว์น้ำในสมัยก่อนเป็นการจับแค่พอกินด้วยการทอดแห ยกยอ ใส่ไซ ใส่เบ็ด ใส่อวน และปลูกพืชผักสวนครัวริมฝั่งแม่น้ำ ภาพวิถีชีวิต การทอดแห การหาปลา ในแม่น้ำปิง ในบริเวณหมู่บ้านดงหลวง  ปัจจุบันแม่น้ำลี้หยุดนิ่งไม่ไหลล่องลงไปเรื่อย ๆ เหมือนในอดีต ฝายไม้หลักตอกที่น้ำสามารถไหลผ่านได้ถูกเปลี่ยนเป็นฝายคอนกรีต ทำให้น้ำขังนิ่งอยู่กับที่ ส่วนน้ำแม่ปิงสมัยก่อนตลิ่งเป็นหาดทรายเม็ดละเอียดค่อย ๆ ลาดลง น้ำไหลล่องตลอดทั้งปี หลังการดูดทรายส่งผลให้ตลิ่งน้ำแม่ปิงลึกและชัน น้ำนิ่งไม่ไหลเหมือนเดิม ชาวบ้านไม่สามารถลงไปซักเสื้อผ้าและเล่นน้ำได้อีกต่อไป สัตว์น้ำก็มีน้อยลง ระบบนิเวศในน้ำหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ปัจจุบันบ้านดงหลวง มีประชากรทั้งหมด 957 คน มีประชากรชายจำนวน 463 ประชากรหญิงจำนวน 494 และจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 400 ครัวเรือน โดยหมู่บ้านดงหลวงเป็นหมู่บ้านคนพื้นเมือง ลักษณะของครอบครัวในชุมชนบ้านดงหลวง เป็นครอบครัวเดี่ยวมีเครือญาติอยู่ในอาณาเขตเดียวกัน ขนาดครอบครัวมีขนาดเล็ก เฉลี่ยสมาชิกในครอบครัวประมาณ 3 – 4 คน ความสัมพันธ์รักใคร่กันดีและยังมีความเป็น คนพื้นเมือง สูง

หมู่บ้านดงหลวง เป็นหมู่บ้านที่มีจำนวนประชากรที่หนาแน่นมาก ด้วยผู้คนจำนวนมากจำนวนตระกูลในหมู่บ้านดงหลวงก็มีมากเช่นกัน จึงมักมีชื่อสกุลในหมู่บ้านดงหลวงส่วนใหญ่มักจะมีคำลงท้ายชื่อสกุลด้วยคำว่า "ดง" และ ชื่อสกุลที่ไม่ได้ท้าย "ดง" อาทิเช่น กันทาดง, อุดดงตุ้ยดงเตชะดงปินตาดงจันทร์ดงสิทธิดง, ปัญญาดง, เดชดง, ยะดง, เจ๊กดงบุญมาดงตันทิดงจันทิดงแดงดง

ส่วนนามสกุล "ตาจุมปา" เป็นอีกชื่อสกุลหนึ่งที่มีมากที่สุดในหมู่บ้านดงหลวง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าบ้านต้นตระกูล "ตาจุมปา" มาจากบ้านหลังใด

ชาวบ้านบ้านดงหลวงส่วนใหญ่มีการประกอบอาชีพการทำเกษตรกรรม ทำนาทำสวนผลไม้โดยเฉพาะการปลูกต้นลำไย การเลี้ยงสัตว์ เช่น เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย และรับจ้างทั่วไป

ในอดีตชาวบ้านดงหลวงทอผ้าฝ้ายที่มีเฉพาะสีขาว สีตุ่นและสีคราม สำหรับตัดแย็บเสื้อผ้า ผ้าห่มและเครื่องนอนไว้ใช้ภายในครัวเรือน โดยมีฝ่ายหญิงเป็นแรงงานหลักในการทอผ้า ส่วนฝ่ายชายจะเป็นแรงหลักในการทำไร่ทำนา ปัจจุบันเนื่องจากวิถีการดำเนินชีวิตเปลี่ยนไป เนื่องจากความสะดวกสบายในยุคปัจจุบันที่สามารถหาซื้อสินค้าเครื่องนุ่งห่มได้ตามตลาด รวมถึงคนหนุ่มสาวส่วนมากออกไปเรียนหนังสือและประกอบอาชีพนอกชุมชน จึงไม่มีใครสืบทอดภูมิปัญญาการทอผ้า รวมถึงพื้นที่ปลูกฝ้ายได้กลายเป็นพื้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ปัจจุบันหมู่บ้านดงหลวงไม่มีใครทอผ้าใช้อีกแล้ว

ปฏิทินประเพณีวัฒนธรรมของหมู่บ้าน

  • เดือนเกี๋ยง : ประเพณีทานผ้าวสา, ประเพณีการถวายผ้ากฐิน/จุลกฐิน
  • เดือนยี่ : ประเพณียี่เป็ง, ตั้งธรรมหลวง (เป็นบางปี)
  • เดือนสาม : ประเพณีเข้ารุกขูล/เข้าโสสาน(เข้ากร๋รม), ประเพณีตานส้ายตานแตน
  • เดือนสี่ : ประเพณีตานเข้าใหม่ตานหลังหิงไฟพระเจ้า
  • เดือนห้า : ประเพณีมาฆบูชา
  • เดือนหก : ประเพณีสรงน้ำกู่อัฐิท่านครูบาคำ คนฺธิโยและสรงน้ำพระธาตุเจดีย์
  • เดือนเจ็ด : ประเพณีปีใหม่, ประเพณีแห่ไม้ค้ำโพธิ์,
  • เดือนแปด : ประเพณีปอยแห่ลูกแก้ว(ไม่ค่อยมีแล้วในปัจจุบัน)
  • เดือนเก้า : ประเพณีเลี้ยงผีปู่ย่า
  • เดือนสิบ : ประเพณีการฟังเทศน์ ฟังธรรม (ในพรรษา)
  • เดือนสืบเอ็ด : ประเพณีการฟังเทศน์ ฟังธรรม (ในพรรษา)
  • เดือนสิบสอง : ประเพณีเดือนสิบสองเป็ง+สลากภัตต์

1.ท่านครูบาคำ คนฺธิโย (ข้อมูลจากลุงอัด สมชาย สุริโยดร)

อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านดงหลวง ชื่อเดิมคือ คำ สิงห์หล้า เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2438 ตรงกับวันจันทร์ แรม 4 ค่ำ เดือน 4 ปีมะแม เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายตั้งอยู่ในโอวาทคำสั่งสอนของพ่อแม่ ได้เข้ารับการศึกษา (สมัยนั้นการศึกษาต้องไปเป็นศิษย์วัดจึงจะได้รับความรู้) จากวัดบ้านดงหลวง โดยเริ่มเรียนอักขระภาษาล้านนาที่เรียกกันว่า "ตั๋วเมือง" จนกระทั่งเรียนจบระดับสามเณรรานุรักษ์ รู้ระเบียบภายในวัดดี ท่านครูบาวงศ์เจ้าอาวาสวัดบ้านดงหลวง จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร ต่อมาเมื่อท่านครูบาคำอายุได้ 21 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระโดยได้รับฉายาว่า "คนฺธิโย" หลังจากอุปสมบทแล้วพระภิกษุคำได้ปฏิบัติภารกิจการศาสนาศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า กระทั่งอายุประมาณ 25 จึงออกธุดงค์ป่าโดยไม่ใส่กลดและฉันอาหารเพียงมื้อเดียว ท่านครูบาคำ ใช้เวลารอนแรมธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆประมาณ 2 ปี โดยท่านได้ธุดงค์ ไปนมัสการสักการะพระเจดีย์ชะเวดากองในเมืองย่างกุ้ง สหภาพพม่า ไปนมัสการพระปฐมเจดีย์สักการะพระพุทธบาทสระบุรีและปูชนียสถานสำคัญทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทยอีกหลายแห่ง

หลังจากท่านครูบาคำได้เดินธุดงค์เป็นเวลานานพอสมควรแล้วได้กลับมาจำพรรษา เจ้าอาวาสวัดบ้านดงหลวง ภายหลังมาท่านครูบาวงศ์มรณภาพ ศรัทธาประชาชนจึงแต่งตั้งให้ท่านครูบาคำ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านดงหลวง ตั้งแต่นั้นมาท่านครูบาคำก็ได้ปฏิบัติตนเป็นสาธารณะประโยชน์แก่ผู้อื่นมิได้หยุดหย่อน มีจิตใจเมตตาโอบอ้อมอารี มีกัลยาธรรมแก่ศิษยานุศิษย์ศรัทธาประชาชน ถ้าใครได้รับความเดือดร้อนท่านจะอนุเคราะห์ด้วยข้าวของหรือบางครั้งก็ใช้พระธรรมอบรมสั่งสอน ด้วยคุณความดีที่ท่านได้ปฏิบัติมาโดยตลอด ทางราชการและการศาสนาจึงแต่งตั้งท่านเป็นพระครูประทวน ต่อมาจะแต่งตั้งท่านเป็นพระครูสัญญาบัตร แต่ท่านขอไม่ยอมรับ เนื่องจากท่านชอบสันโดษมักน้อยไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญ ถือเอาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง ท่านครูบาคำเริ่มอาพาธเมื่อกลางปี พ.ศ. 2514 ด้วยโรคชรา กระทั่งวันพฤหัสบดี ที่ 25 มกราคม พ.ศ.2522 ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ

ทุนมนุษย์ สมัยก่อนบ้านดงหลวงยังไม่มีสถานพยาบาลรักษา ไม่มียารักษาโรคแผนปัจจุบัน ชาวบ้านจะใช้สมุนไพร โดยมีทั้งยาต้ม ยาทา ยานวด โดยมี หมอเมือง เป็นผู้รักษาด้วยวิธีการเป่าคาถา เป็นการรักษาแผนโบราณที่อาศัยความเชื่อทั้งพุทธและผี รวมถึงการทำคลอดแบบโบราณ ที่หมู่บ้านจะมีหมอตำแยที่ผ่านการร่ำเรียนวิชาการทำคลอดกับ แม่ช่าง ซึ่งเป็นผู้ที่มีความชำนาญในการทำคลอดอย่างถูกต้อง ปัจจุบันการแพทย์สมัยใหม่เจริญก้าวหน้าไปมาก มีหมอและเครื่องมือทันสมัยในโรงพยาบาลคอยให้บริการ จึงไม่มีการให้หมอตำแยมาทำคลอดอีกแล้ว

บ้านดงหลวงเป็นหมู่บ้านหนึ่งในจังหวัดลำพูน ภาษาพูดของชาวบ้านคือภาษาคำเมืองที่ใช้ในการสื่อสาร แตกต่างจากบ้านอื่นซึ่งส่วนมากใช้ภาษาถิ่นคือ ภาษายอง ตามคำสันนิษฐานที่ว่าชาวบ้านอพยพมาจากอำเภอหางดง ดังนั้นลักษณะการพูดจึงละม้ายคล้ายสำเนียงชาวหางดง ซึ่งบ้านดงหลวงมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนบ้านใดในการใช้ภาษาพูดสื่อสาร


หมู่บ้านดงหลวงเป็นหมู่บ้านหนึ่งในเขตป่าซาง จังหวัดลำพูน เมื่อปี พ.ศ.2533 ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารราชการแผ่นดินมาเป็นกระทรวง ทบวง กรม ได้มีการจัดตั้งหน่วยงานราชการเป็นแขวง ซึ่งเมืองป่าซางมีชื่อเรียกว่า "แขวงปากป่อง" ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำปิง หมู่ที่ 1 ตำบล ปากบ่อง และในปีพ.ศ.2495 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอมาอยู่ที่หมู่ที่ 1 ตำบลป่าซาง ณ ที่ว่าการอำเภอป่าซางในปัจจุบัน หมู่บ้านดงหลวง เข้ามาอยู่ในเขตสุขาภิบาลวังผาง ด้วยกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณา เห็นว่าท้องถิ่นบางส่วนของตำบลวังผาง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน มีสภาพสมควรที่จะยกฐานะให้เป็นสุขาภิบาลได้เพื่อประโยชน์ในการทำนุบำรุงท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป จึงยกฐานะท้องถิ่นของส่วนตำบลวังผางบางส่วนจัดตั้งเป็นสุขาภิบาล มีชื่อว่า "สุขาภิบาลวังผาง" วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2538 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศจัดตั้งที่ว่าการกิ่งอำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 สุขาภิบาลวังผาง ได้รับการยกฐานะเปลี่ยนจากสุขาภิบาล เป็นเทศบาลตำบลตามพระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงของสุขาภิบาลเป็นเทศบาล พ.ศ. 2542 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่มที่ 116 ตอนที่ 9 ก วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ตั้งแต่ วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2550 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศยกฐานะเปลี่ยนจาก "กิ่งอำเภอเวียงหนองล่อง" เป็น "อำเภอเวียงหนองล่อง" ปัจจุบันหมู่บ้านดงหลวงอยู่ในเขตความรับผิดชอบของสำนักงานเทศบาลตำบลวังผาง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน

 หมู่บ้านดงหลวง มีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ปกครองพอสรุปเท่าที่ทราบนาม ดังนี้

  1. นายปั่นโน ตาจุมปา
  2. นายโม่ง อุดดง
  3. นายใจมา ตาจุมปา
  4. นายแก้ว กองสิงห์
  5. นายคำ กันทาดง
  6. นายเงิน อุตตะมะ
  7. นายคำ สิงห์หล้า
  8. นายเป็ง ตาจุมปา
  9. นายชุม ประสาธน์สุวรรณ (ตาจุมปา)
  10. นายดวงจันทร์ มะโนเป็ง
  11. นายฤาชัย กันทาดง


บ้านดงหลวงเดิมเป็นหมู่บ้านเดียว (หมู่ 5) มีประชากรหนาแน่นมาก ภายหลังมาจึงได้แยกออกเป็นหมู่ 7 บ้านวังหมุ้น ในปี พ.ศ. 2527 ได้แยกหมู่ที่ 8 บ้านดงเหนือ และในปี พ.ศ. 2551 ได้แยกเป็นหมู่ที่ 10 บ้านดงเจริญ อีกหนึ่งหมู่บ้าน โดยจำนวนประชากรทั้ง 4 หมู่บ้านดังกล่าว มีจำนวนประชากรทั้งหมด 2,966 คน แยกเป็นชาย จำนวน 1,494 คน หญิง จำนวน 1,572 คน และจำนวนครัวเรือน ทั้ง 4 หมู่บ้าน มีจำนวน 980 ครัวเรือน

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ชิตนุสันต์ ตาจุมปา และคณะ. (2556). โครงการเรียนรู้ประเพณีบ้านดงหลวง ตำบลวังผาง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน (ประวัติบ้านดงหลวง)กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. ค้นคืนเมื่อ 20 เมษายน 2566 , จาก ฐานข้อมูลงานวิจัย ศมส.: https://www.sac.or.th/databases/sac_research/research-item-search.php?ob_id=102

เทศบาลตำบลวังผาง. (ม.ป.ป.). สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐาน. ค้นจาก http://wangpang.go.th/content/generalinfo

จังหวัดลำพูน. (2562). วัดบ้านดงหลวง ที่มา: https://www.lamphun.go.th/th/attractions/

วิสาหกิจชุมชน โทร. 0-5350-4042, เทศบาลวังผา โทร. 0-5309-6231